สำนักงานตัวแทนประกันเอไอเอ หน่วยงาน เหรียญทอง 999 เอ : นางสาวมุนิสรา อังศุธรรม โทร. 089-812-2084 อีเมล : munisara8122084@gmail.com

สำนักงานตัวแทนประกันเอไอเอ หน่วยงาน เหรียญทอง 999 เอ : นางสาวมุนิสรา อังศุธรรม
โทร. 089-812-2084
อีเมล : munisara8122084@gmail.com

สำนักงานตัวแทนประกันเอไอเอ หน่วยงาน เหรียญทอง 999 เอ : นางสาวมุนิสรา อังศุธรรม
โทร. 089-812-2084 อีเมล : munisara8122084@gmail.com

ประกันชีวิต

ประกันชีวิต AIA แบบไหนดี?

นอกจากผลประโยชน์ด้านการให้ความคุ้มครองชีวิต การสร้างหลักประกันให้กับครอบครัวแล้ว ยังเป็น การสร้างวินัยทางการเงินอีกด้วย โดยประกันชีวิตที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไปยังให้ผลประโยชน์ด้านการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึงปีละ 100,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร

เลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณจากแบบประกันด้านล่างได้เลย

ประกันชีวิต AIA แต่ละแบบมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง?

สรุปรายละเอียดแบบย่อๆ เกี่ยวกับประกันชีวิต AIA แต่ละแบบได้ดังนี้

1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term)

เป็นประกันที่เน้นในเรื่องของความคุ้มครองชีวิตเป็นหลัก ไม่มีเงินสะสม สามารถเลือกระยะเวลาความคุ้มครอง และระยะเวลาการชำระเบี้ยได้ตามความเหมาะสมกับภาระทางการเงิน คนที่เราต้องดูแล หรือภาระนี้สินที่เรามีอยู่ได้ โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำที่ 350,000 บาท ข้อดีคือ สามารถเรียกความคุ้มครองที่สูงได้โดยใช้ค่าเบี้ยที่ถูก แต่ก็แลกมาด้วยข้อเสียคือการไม่มีเงินสะสมและเมื่อครบกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ความคุ้มครองก็จะหมดลงไป

2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life)

ประกันที่เน้นความคุ้มครองชีวิตระยะยาว เช่น 90 ถึง 99 ปี โดยสามารถชำระเบี้ยแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 10-20 ได้ ซึ่งประกันในรูปแบบนี้จะเริ่มมีเงินสะสมหรือมูลค่ากรมธรรม์ แต่ก็ยังสามารถให้ความคุ้มครองที่สูงโดยที่ใช้เบี้ยต่ำ

จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีคนอยู่ในความดูแลนำมาวางแผนเป็นเครื่องมือคุ้มครองรายได้ในอนาคตของหัวหน้าครอบครัว หรือวางแผนในเรื่องการส่งต่อมรดก หรือส่งต่อความมั่งคั่งให้กับคนในครอบครัวหรือคนที่เรารักได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งประกันรูปแบบนี้ยังมีมูลค่าสะสมหรือมูลค่ากรมธรรม์จึงเป็นเงินสำรองอีกก้อนสำหรับใช้จ่ายในอนาคตได้

3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment/Saving)

เน้นการออมเงินเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ รวมถึงได้รับความคุ้มครองชีวิตด้วย และสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้ จึงนิยมนำมาวางแผนการออมเพื่อเป้าหมายที่สำคัญ ไม่ต้องการความเสี่ยงหรือผันผวนจากการลงทุน เช่น การเก็บเงินและลดหย่อนภาษีในระยะกลางหรือระยะยาว การเก็บเงินไว้ให้ลูกในอนาคต หากเกิดเหตุไม่คาดคิดกับผู้เอาประกัน เช่น เสียชีวิต หรือทุพพลภาพ แม้ว่าเราจะยังเก็บเงินไม่ได้ครบตามเวลา แต่ก็จะได้ทุนประกันมาให้กับคนในครอบครัว

4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity)

เป็นประกันรูปแบบที่เน้นการออมเงินระยะยาวเพื่อไว้ใช้หลังเกษียณ และจะได้ผลประโยชน์ในเรื่องของการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจากแบบประกันทั่วไปสูงถึง 200,000 บาท และสามารถสูงได้ถึง 300,000 บาทกรณีที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีจากประกันทั่วไป 100,000 บาทแรก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีรายได้ที่แน่นอนหลังเกษียณ และต้องการได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม

5. ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน (Unit Linked)

เป็นประกันที่มีส่วนผสมของการประกันความเสี่ยงและการลงทุนไปในตัว มีลักษณะของความยืดหยุ่นสูงให้อิสระในการวางแผนวงเงินความคุ้มครอง ค่าเบี้ยที่ชำระ ระยะเวลาในการชำระเบี้ย และระยะเวลาในการให้ความคุ้มครอง ทำให้ตอบโจทย์กับคนรุ่นไหมที่ต้องการวางแผนการเงินอย่างรอบด้านทั้งเรื่องการบริหารความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าประกันแบบทั่วไป

6. แบบประกันชีวิตผู้สูงอายุ

จะเป็นประกันแบบพิเศษที่ให้ความคุ้มครองชีวิตแก่ผู้สูงอายุ โดยจะเริ่มสมัครทำได้ในช่วงอายุ 50-70 ปี แต่จะมีจุดเด่นในเรื่องของการที่สามารถสมัครทำได้โดยไม่ต้องตรวจ หรือตอบคำถามสุขภาพ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อาจมีประวัติโรคประจำตัวหรือสุขภาพไม่แข็งแรง เพื่อสร้างความคุ้มครองชีวิตหรือสร้างมรดกให้ลูกหลาน

ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่?

  • ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ/ ประกันชีวิตแบบกำหนดระยะเวลา/ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท ทั้งนี้ต้องเป็นประกันชีวิตที่มีระยะความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
  • ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน ค่าเบี้ยประกันจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
    1. ค่าการประกันภัย
    2. ค่าใช้จ่ายหลักอื่น ๆ ของกรมธรรม์
    3. ส่วนของการลงทุน โดยค่าเบี้ยประกันในส่วนที่ 1 และ 2 เมื่อนำมารวมกับประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ส่วนที่นำไปลงทุนไม่สามารถนำมารวมเพื่อลดหย่อนภาษีได้
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่หักจากบริษัทของตนเองไปแล้ว กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF และกองทุนรวมเพื่อการออม SSF ต้องไม่เกิน 500,000 บาท หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ในประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท โดยแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้สิทธิ์ในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บาท

"สัญญาหลัก" - "สัญญาเพิ่มเติม"

ในกรณีต้องการซื้อประกันสุขภาพหรือประกันอื่นๆเพิ่มเติม สามารถทำได้โดยต้องทำความรู้จักกับ “สัญญาหลัก” และ “สัญญาเพิ่มเติม” กันก่อน

i

“สัญญาหลัก” คือ แบบประกันภัยที่คุ้มครองชีวิต สามารถแบ่งได้ดังนี้

  1. ประกันชีวิตทั่วไป (แบบชั่วระยะเวลา และแบบตลอดชีพ)
  2. ประกันชีวิตเพื่อการออมทรัพย์
  3. ประกันชีวิตแบบบำนาญ
  4. ประกันชีวิตเพื่อการลงทุน
i

“สัญญาเพิ่มเติม” คือ สัญญาที่เพิ่มเติมเข้าไปในสัญญาหลัก หมายความว่าการที่จะซื้อสัญญาเพิ่มเติมได้ ต้องมีสัญญาหลักก่อน ซึ่งสัญญาเพิ่มเติมที่คนนิยมซื้อแนบกับสัญญาหลัก คือ

  1. ค่ารักษาพยาบาล
  2. โรคร้ายแรง
  3. ชดเชยรายได้

ถ้าเปรียบ “ประกันชีวิต” เป็น “รถไฟ” 🚂 สัญญาหลัก คือ หัวรถจักร ที่มีความคุ้มครองอยู่แล้ว สามารถวิ่งไปได้ด้วยตัวเอง ส่วนสัญญาเพิ่มเติม คือ ตู้โดยสาร ที่นำมาต่อพ่วงกับหัวรถจักร ซึ่งสามารถต่อพ่วงได้หลายตู้ และต่อพ่วงได้เรื่อย ๆ ตามความต้องการของแต่ละคน

ตราบใดที่สัญญาหลักยังคงอยู่ ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมก็จะยังคงอยู่ตลอดไปเช่นกัน เหมือนกับรถไฟที่วิ่งต่อไปได้เรื่อย ๆ นั่นเอง