สำนักงานตัวแทนประกันเอไอเอ หน่วยงาน เหรียญทอง 999 เอ : นางสาวมุนิสรา อังศุธรรม โทร. 089-812-2084 อีเมล : munisara8122084@gmail.com

สำนักงานตัวแทนประกันเอไอเอ หน่วยงาน เหรียญทอง 999 เอ : นางสาวมุนิสรา อังศุธรรม
โทร. 089-812-2084
อีเมล : munisara8122084@gmail.com

สำนักงานตัวแทนประกันเอไอเอ หน่วยงาน เหรียญทอง 999 เอ : นางสาวมุนิสรา อังศุธรรม
โทร. 089-812-2084 อีเมล : munisara8122084@gmail.com

ประกันคนโสด 40+

ก่อนจะไปดูตัวเลือกของประกัน ลองมาศึกษาก่อนดีกว่าว่าเลือกประกันอย่างไรให้เหมาะกับตัวเราในแต่ละช่วงอายุ (กรณีคนโสดที่ยังไม่ถึง 40 แวะมาจอดป้ายนี้ ก็อ่านได้ค่า…)

วัยเริ่มทำงาน (21-30 ปี)

เป็นวัยที่เพิ่งเริ่มทำงาน เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง เหมาะกับการเริ่มวางแผนการเงินเพื่ออนาคต เริ่มมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ และจะต้องเริ่มจ่ายภาษี จึงเหมาะกับประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ อย่างประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครองยาวกว่า 10 ปี เบี้ยประกันไม่สูงมาก เหมาะกับช่วงทำงานตอนต้นที่รายได้ยังไม่มากนัก สอดคล้องกับรายรับ ซึ่งเงินที่จ่ายค่าเบี้ยประกันก็ไม่ได้สูญเปล่า จะได้รับเงินในส่วนของการออมทรัพย์คืนตามระยะเวลาที่กำหนดตามสัญญา ถือได้ว่าจ่ายเบี้ยครั้งเดียวได้ทั้งความคุ้มครอง ได้ลดหย่อนภาษี และได้สะสมทรัพย์ ช่วยสร้างวินัยในการเก็บเงินเพื่ออนาคตได้

ซึ่งถ้าหากมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็เหมาะกับการทำประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองระยะยาวเพิ่มเติม อย่างประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ที่มีระยะเวลาที่กำหนดให้ชำระเบี้ยประกันชัดเจน แต่มีระยะเวลาคุ้มครองยาวนาน หากเริ่มทำตั้งแต่อายุยังน้อยก็จะได้เบี้ยประกันที่ค่อนข้างต่ำกว่าช่วงวัยอื่นด้วย

วัยสร้างครอบครัวและมีบุตร (31-45 ปี)

เป็นช่วงชีวิตที่หลายๆ คนเริ่มขยับขยายที่อยู่อาศัย และสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว ดังนั้นเราควรเตรียมพร้อมรับมือกับภาระที่กำลังจะเพิ่มมากขึ้นโดยมองหาหลักประกันให้กับคนในครอบครัว ประกันชีวิตที่เหมาะกับวัยนี้คือ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาเพื่อปิดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับหัวหน้าครอบครัว

นอกจากรูปแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมแล้ว เราควรจะวางแผนความคุ้มครองให้ตรงกับความต้องการกับตัวเราเองอีกด้วย เช่น หากกำลังผ่อนบ้าน ประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยก็เป็นประกันชีวิตอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจนะ เผื่อหากมีอะไรเกิดขึ้น คนในครอบครัวของเราก็จะยังคงมีที่อยู่อาศัยต่อไป หรือการซื้อประกันชีวิตแนบสัญญาชดเชยรายได้นี่ก็น่าสนใจ เพราะถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้หัวหน้าครอบครัวไม่สามารถทำงานหารายได้ สิ่งเหล่านี้จะมาลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงเวลานั้น โดยพิจารณาวงเงินคุ้มครองจากระดับค่าใช้จ่ายของคนในครอบครัวเป็นหลัก

นอกจากประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองสูงที่กล่าวไปข้างต้น การพ่วงประกันสุขภาพไปกับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองยาวอาจเป็นอีกทางหนึ่งนะ เนื่องจากในวัยนี้ (โดยเฉพาะอายุ 31-45 ปี) อาจจะยังไม่ได้มีความเสี่ยงต่อโรค หรือมีประวัติการเจ็บป่วยมากนัก ทำให้เบี้ยประกันจะยังไม่สูง

หรือเลือกประกันชีวิตแบบควบการลงทุน (Unit Linked) ซึ่งมีข้อดีคือสามารถเลือกความคุ้มครองและการลงทุนได้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและการลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น เป็นการช่วยวางแผนทางการเงิน เพิ่มโอกาสสร้างเงินออมให้ครอบครัว และยังช่วยในการวางแผนอนาคต เช่น การศึกษาบุตร

ประกันอีกแบบที่น่าสนใจสำหรับคนในวัยนี้คือประกันชีวิตแบบบำนาญซึ่งเป็นแบบประกันเพื่อเราจะได้มีรายได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ และให้ประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรดูถึงความคุ้มค่าของประกันบำนาญเทียบกับการลงทุนเพื่อการเกษียณประเภทอื่นๆ เพราะหลักของประกันชีวิตแบบบำนาญไม่ใช่ทั้งความคุ้มครองหรือผลตอบแทนที่สูง แต่เป็นการการันตีเงินที่จะได้หลังเกษียณเท่านั้น

วัยทำงานตอนปลาย จนถึงเกษียณ 46-60 ปี

ช่วงวัยที่เปลี่ยนจากเงินเดือนมาเป็นเงินเก็บ มีการวางแผนเงินเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายยามเกษียณที่รายได้ไม่เหมือนเดิม เหมาะกับการทำประกันที่ช่วยให้มีเงินใช้จ่ายเพียงพอและไม่เดือดร้อน อย่างประกันชีวิตแบบบำนาญหรือแบบสะสมทรัพย์ ที่จะให้ผลตอบแทนไว้ใช้จ่ายในช่วงที่เกษียณพอดี

และอีกประกันที่สำคัญและจำเป็นกับคนวัยนี้อย่างมากคือประกันสุขภาพ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ก็จะมีความเสี่ยงเรื่องสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บมากขึ้นด้วย การทำประกันชีวิตที่ความคุ้มครองไม่สูงมากนักพ่วงประกันสุขภาพ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการป้องกันความเสี่ยงนั้น ควรเลือกประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล โรคร้ายแรง และอุบัติเหตุ พร้อมรับเงินชดเชยรายวันระหว่างพักรักษาตัว จะได้ไม่ต้องเอาเงินที่เก็บทั้งชีวิตมาจ่ายค่ารักษาตัวมหาศาล ซึ่งเบี้ยประกันก็จะค่อนข้างสูง แต่ให้ความคุ้มครองแบบครอบคลุม ช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายสุขภาพได้มาก

ประกันแต่ละแบบก็มีข้อดี จุดเด่น และรายละเอียดที่ตอบโจทย์แตกต่างกันไป นอกจากการเลือกซื้อประกันตามช่วงวัยแล้ว ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นด้วย เช่น รายได้ สุขภาพร่างกาย ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ความต้องการ เป้าหมาย ที่สำคัญก่อนจะซื้อประกันควรทำความเข้าใจให้ดี ศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วน จะได้เลือกซื้อประกันได้มั่นใจ เหมาะสมกับตัวเองที่สุด รวมถึงได้รับผลประโยชน์และความคุ้มครองอย่างเต็มที่

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : krungsricard.com

วัยเริ่มทำงาน (21-30 ปี)

รายละเอียดของประกันแต่ละประเภท

ประกันชีวิตในรูปแบบบำนาญที่ลดหย่อนภาษีได้ พร้อมการันตีเงินคืนบำนาญ ช่วยคลายกังวลกับค่าใช้จ่ายในวัยเกษียณ เน้นการคุ้มครองรายได้หลังเกษียณเป็นหลัก โดยบริษัทผู้รับประกันภัยจะเริ่มจ่ายเงินคืนตามกรมธรรม์ให้ตั้งแต่เมื่อถึงอายุเกษียณ (ครบอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี) และจะมีการจ่ายต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เป็นงวด ๆ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์จนกว่าจะครบกำหนดสัญญา ในส่วนของประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่หักจากบริษัทของตนเองไปแล้ว กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF และกองทุนรวมเพื่อการออม SSF ต้องไม่เกิน 500,000 บาท หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ในประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท โดยแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้สิทธิ์ในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บาท

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครองยาว เบี้ยประกันไม่สูง AIA Endowment 15/25 (Non Par)

ตารางผลประโยชน์โดยย่อ

ประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองยาว จ่ายเบี้ยประกัน 20 ปี คุ้มครองนานมากกกกถึงอายุ 99 ปี

AIA 20 Pay Life (Non Par)

ตารางผลประโยชน์โดยย่อ

วัยสร้างครอบครัวและมีบุตร (31-45 ปี)

ประกันชีวิตแนบสัญญาชดเชยรายได้ในวันที่หัวหน้าครอบครัวไม่สามารถทำงานได้เมื่อเจ็บป่วย – AIA HB Extra

คลายกังวลเรื่องการขาดรายได้ในวันที่คุณเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล รับค่าชดเชยรายวัน รวมทั้งกรณี Day Case

สรุปรายละเอียดของ ประกันชดเชยรายได้แบบพิเศษ AIA HB Extra

  • ค่าชดเชยรายวันเมื่อเจ็บป่วย หรือ บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
  • เข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาล รวมทั้งกรณี DAY CASE
  • กรณีนอนรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในห้อง ICU รับเพิ่มเป็น 3 เท่า
  • เข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยหนัก รับเงินชดเชยรายวันเพิ่มเป็น 3 เท่า ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  • ค่าชดเชย 5 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย กรณีเข้ารับการผ่าตัด โดยการวางยาสลบ หรือฉีดยาเข้าไขสันหลังโดยวิสัญญีแพทย์
  • ค่าชดเชย 25 เท่า ของจำนวนเงินเอาประกันภัย กรณีเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน เนื่องจากโรคร้ายแรงเฉียบพลัน 13 โรค*
  • ค่าใช้จ่ายหมวดยากลับบ้าน 1 เท่า ของจำนวนเงินเอาประกันภัย หลังการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาล รวมกรณี DAY CASE ในกรณีมีค่าใช้จ่ายหมวดยากลับบ้าน
  • ค่าชดเชย 10 เท่า ของจำนวนเงินเอาประกันภัยในกรณีเสียชีวิต

ตัวอย่างการคำนวณเบี้ย ประกันชดเชยรายได้แบบพิเศษ AIA HB EXTRA

  • ลูกค้าเพศชาย อายุ 40 ปี ค่าเบี้ยรวม 6,900* บาท ต่อปี
  • แผนรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในรับเงินชดเชย 3,000 บาท/วัน
  • เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ และเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ก็ได้รับเงินชดเชย
  • ผู้ป่วย day case ก็ได้รับเงินชดเชย
  • รับค่าชดเชย 3 เท่า หากรักษาตัวในห้อง ICU หรือสูงสุด 9,000 บาท/วัน
  • รับค่าชดเชย 5 เท่า กรณีเข้ารับการผ่าตัด หรือสูงสุด 15,000 บาท
  • รับค่าชดเชย 25 เท่า กรณีเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน เนื่องจากโรคร้ายแรงเฉียบพลัน 13 โรค หรือสูงสุด 75,000 บาท
  • รับค่าชดเชย 1 เท่า สำหรับยากลับบ้าน หรือสูงสุด 3,000 บาท/ครั้ง หลังเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน
    **การชำระเงิน : ชำระ 1 เดือน ,3 เดือน , 6 เดือน , รายปี
    **ช่องทางการชำระ บัตรเครดิต หรือสแกนผ่าน QR Code ผ่านแอปหักผ่านบัญชี
    *ค่าเบี้ยยังไม่รวมประกันชีวิตหลัก การทำประกันชดเชยรายได้ ต้องทำควบคู่กับประกันชีวิตหลัก

ตารางสรุปความคุ้มครองค่าชดเชยและตัวอย่างเบี้ยประกันโดยย่อ ประกันชดเชยรายได้แบบพิเศษ AIA HB EXTRA

ผลประโยชน์ Day Case สําหรับผู้เอาประกันชดเชยรายได้แบบพิเศษ AIA HB EXTRA

K
L

  1. การสลายนิ่ว (ESWL : Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy)
  2. การตรวจเส้นเลือดหัวใจโดยการฉีดสี (Coronary Angiogram / Cardiac Catheterization)
  3. การผ่าตัดต้อกระจก (Extra Capsular Cataract Extraction with Intra Ocular Lens)
  4. การผ่าตัดโดยการส่องกล้อง (Laparoscopic) ทุกชนิด
  5. การตรวจโดยการส่องกล้อง (Endoscope) ทุกชนิด
  6. การผ่าตัด หรือเจาะไซนัส (Sinus Operations)
  7. การตัดก้อนเนื้อที่เต้านม (Excision Breast Mass)
  8. การตัดชิ้นเนื้อจากกระดูก (Bone Biopsy)
  9. การตัด (Amputation) นิ้วมือหรือนิ้วเท้า
  10. การเจาะตับ (Liver Puncture / Liver Aspiration)
  11. การเจาะไขกระดูก (Bone Marrow Aspiration)
  12. การเจาะช่องเยื่อหุ้มไขสันหลัง (Lumbar Puncture)
  13. การเจาะช่องเยื่อหุ้มปอด (Thoracentesis / Pleuracentesis / Thoracic Aspiration / Thoracic Paracentesis)
  14. การเจาะช่องเยื่อบุช่องท้อง (Abdominal Paracentesis / Abdominal Tapping)
  15. การขูดมดลูก (Curettage, Dilatation & Curettage, Fractional Curettage)
  16. การตัดชิ้นเนื้อจากปากมดลูก (Colposcope, Loop diathermy)
  17. การรักษา Bartholin’s Cyst (Marsupialization of Bartholin’s Cyst)
  18. การรักษาโรคด้วยรังสีแกมม่า (Gamma knife)

13 โรคร้ายแรงเฉียบพลันที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้ประกันชดเชยรายได้แบบพิเศษ AIA HB EXTRA

K
L

  1. กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด (Acute Heart Attack)
  2. โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน (Major Stroke)
  3. การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (Coronary Artery By-Pass Surgery)
  4. การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะหรือ ปลูกถ่ายไขกระดูก (Major Organs Transplantation or Bone Marrow Transplantation)
  5. โรคไวรัสตับอักเสบขั้นรุนแรง (Fulminant Viral Hepatitis)
  6. โรคเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Meningitis)
  7. แผลไหม้ฉกรรจ์ (Major Burn)
  8. ภาวะโคม่า (Coma)
  9. สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Encephalitis)
  10. การผ่าตัดลิ้นหัวใจโดยวิธีการเปิดหัวใจ (Open Heart Surgery for the Heart Valve)
  11. การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง (Major Head Trauma)
  12. การผ่าตัดเส้นเลือดแดงใหญ่ เอออร์ต้า (Surgery to Aorta)
  13. โรคคาวาซากิที่ทําให้เกิดโรคแทรกซ้อนของหัวใจ (Kawasaki Disease with Heart Complications)

ข้อยกเว้น และระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง ตามประกันชดเชยรายได้แบบพิเศษ AIA HB EXTRA

K
L

บริษัทจะไม่จ่ายผลประโยชน์สําหรับการเข้าพักรักษาตัวที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย (รวมทั้งโรคแทรกซ้อน) อาการ หรือภาวะความผิดปกติที่เกิดจาก

  1. โรคเรื้อรัง การเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บที่ยังไม่ได้รักษาให้หายก่อนวันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติม การตรวจรักษาภาวะที่เป็นมาแต่กําเนิด (Congenital) หรือปัญหาด้านพัฒนาการ หรือโรคทางพันธุกรรม
  2. การตรวจรักษาหรือการผ่าตัดเพื่อเสริมสวย หรือการแก้ไขปัญหาผิวพรรณ สิว ฝ้า กระ รังแค ผมร่วง หรือการควบคุมน้ําหนักตัว หรือการผ่าตัดอันมีลักษณะเลือกได้ เว้นแต่เป็นการตกแต่งบาดแผลอันเนื่อง มาจากอุบัติเหตุที่ได้รับความคุ้มครอง
  3. การตั้งครรภ์ แท้งบุตร ทําแท้ง การคลอดบุตร โรคแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ การแก้ไขปัญหาการมีบุตรยาก (รวมถึงการสืบวิเคราะห์และการรักษา) การทําหมันหรือการคุมกาเนิด
  4. การตรวจสุขภาพทั่วไป การร้องขอเข้าอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาล หรือร้องขอการผ่าตัด การพักฟื้น หรือการพัก เพื่อการฟื้นฟูหรือการรักษาโดยวิธีให้พักอยู่เฉยๆ การตรวจวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุใดๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเข้ารักษาในโรงพยาบาล การตรวจวินิจฉัยการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย การรักษาหรือตรวจวิเคราะห์เพื่อ สาเหตุ ซึ่งไม่ใช่ความจําเป็นทางการแพทย์ หรือไม่เป็นมาตรฐานทางการแพทย์ และค่าพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษ
  5. การตรวจรักษาความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา การทําเลสิค ค่าใช้จ่ายสําหรับอุปกรณ์เพื่อช่วยในการมองเห็น
    หรือการรักษาความผิดปกติของการมองเห็น
  6. การตรวจรักษา หรือผ่าตัดเกี่ยวกับฟันหรือเหงือก การทําฟันปลอม การครอบฟัน การรักษารากฟัน อุดฟัน การจัดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน การใส่รากฟันเทียม ยกเว้นในกรณีจําเป็นอันเนื่องมาจาก การบาดเจ็บ โดยอุบัติเหตุ ทั้งนี้ไม่รวมค่าฟันปลอมและการครอบฟันและการรักษารากฟันหรือใส่รากเทียม
  7. การตรวจรักษาที่ไม่ใช่แผนปัจจุบัน รวมถึงแพทย์ทางเลือก

ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period)

K
L

บริษัทจะไม่จ่ายผลประโยชน์ตามสัญญาเพิ่มเติมนี้ หากการเจ็บป่วยเกิดขึ้นในระยะเวลาต่อไปนี้

  • ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติม หรือหากมีการต่ออายุกรณีสัญญาเพิ่มเติม สิ้นผลบังคับ (Reinstatement) ให้นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามการต่ออายุครั้งสุดท้าย แล้วแต่กรณีใด จะเกิดขึ้นภายหลัง สําหรับการเจ็บป่วยทั่วไป
  • ภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติม หรือหากมีการต่ออายุกรณีสัญญาเพิ่มเติม สิ้นผลบังคับ (Reinstatement) ให้นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามการต่ออายุครั้งสุดท้าย แล้วแต่กรณีใด จะเกิดขึ้นภายหลัง สําหรับการเจ็บป่วย 4 โรค (ไส้เลื่อนทุกชนิด, ต้อเนื้อ หรือต้อกระจก, การตัดทอนซิล หรือ อดีนอยด์, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่)
  • บริษัทจะไม่จ่ายผลประโยชน์กรณีเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในเนื่องจากโรคร้ายแรงเฉียบพลันตามคํานิยาม ที่กําหนดไว้ในสัญญาเพิ่มเติมนี้ สําหรับการเจ็บป่วย หรือความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงเฉียบพลัน ที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้สัญญาเพิ่มเติมนี้ที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลา 60 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครอง ตามสัญญาเพิ่มเติม หรือหากมีการต่ออายุกรณีสัญญาเพิ่มเติมสิ้นผลบังคับ(Reinstatement) ให้นับ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามการต่ออายุครั้งสุดท้าย แล้วแต่กรณีใดจะเกิดขึ้นภายหลัง

สรุปผลประโยชน์ ประกันชดเชยรายได้แบบพิเศษ AIA HB EXTRA

ประกันสุขภาพพ่วงกับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองยาว
(หากไม่ได้มีความเสี่ยงต่อโรค หรือมีประวัติการเจ็บป่วยมากนัก เบี้ยประกันจะยังไม่สูง) – AIA Health Happy

จุดเด่นของแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย AIA Health Happy ประกันสุขภาพเหมา เบิ้ล คุ้มที่สุด

  • ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีประกันสุขภาพกับบริษัทประกันที่มั่นคง ต้องการมีประกันสุขภาพครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลที่จะปรับสูงขึ้นในอนาคต
  • ไม่จำกัดวงเงินต่อการเข้าพักรักษาเป็นผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
  • กรณีป่วยเป็นโรคร้ายแรง เพิ่มผลประโยชน์สูงสุดให้เป็น 2 เท่า ในปีที่ตรวจพบ และต่อเนื่องรวม 4 ปีกรมธรรม์
  • ให้ค่ารักษากรณีไม่ได้เข้าพักเป็นผู้ป่วยใน สำหรับการรักษาที่มีค่ารักษาพยาบาลสูงได้แก่
  1. อุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง
  2. ค่าตรวจเพื่อรักษา ก่อน/หลัง การรักษาเป็นผู้ป่วยใน 30 วัน (เช่น X-Ray, ฉีดสี, MRI)
  3. Minor Surgery / Day case (เช่น ผ่าตัดเล็ก, ตรวจชิ้นเนื้อ)
  4. ล้างไต
  5. รักษาโรคมะเร็ง รวมถึงการรักษาด้วย Targeted Therapy

ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน (Unit Linked) สามารถเลือกความคุ้มครองและการลงทุนได้
เพิ่มโอกาสสร้างเงินออมให้ครอบครัว – AIA Issara Plus (Unit Linked)

ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือที่ส่วนใหญ่เรียกว่า ประกันชีวิตแบบยูนิต ลิงค์ คือ การประกันชีวิตที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งไม่มีการรับประกันมูลค่ากรมธรรม์ เนื่องจากมูลค่ากรมธรรม์ขึ้นอยู่กับมูลค่าหน่วยลงทุน โดยอาจสูงขึ้นหรือต่ำลงตามผลประกอบการของกองทุนรวม

เบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ Unit Linked แบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้

  • ส่วนที่ 1 เป็นค่าความคุ้มครองตามที่กรมธรรม์ประกันชีวิตกำหนด โดยผู้ขอเอาประกันภัยสามารถเลือกสัดส่วนความคุ้มครองได้ตามความต้องการ ซึ่งบริษัทประกันชีวิตจะนำเงินส่วนนี้ไปบริหารเอง และบริษัทจะเป็นผู้รับความเสี่ยงจากการนำเงินในส่วนนี้ไปลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สินประเภทต่างๆ
  • ส่วนที่ 2 เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามกรมธรรม์ ที่บริษัทเรียกเก็บ เพื่อเป็นค่าดำเนินการ ค่าดูแลรักษากรมธรรม์ และค่าบริการในการลงทุน ซึ่งจะกำหนดแตกต่างกันไปแล้วแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัท
  • ส่วนที่ 3 เป็นส่วนที่จัดสรรเข้าไปเป็นการลงทุนตามสัดส่วนที่ผู้ขอเอาประกันภัยเลือก ซึ่งบริษัทประกันชีวิตจะนำไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตามคำสั่งของผู้เอาประกันภัย โดยบริษัทที่รับจัดการเงินดังกล่าวจะออกหน่วยลงทุนให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยบริษัทประกันชีวิตเป็นผู้ดูแลระบบบัญชีกรมธรรม์ของผู้เอาประกันภัย

ความพิเศษของประกันชีวิตควบการลงทุนคือ สามารถถอนจากมูลค่าบัญชีกรมธรรม์บางส่วน โดยยังได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่มูลค่าบัญชีกรมธรรม์ที่คงเหลือเพียงพอในการหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายใต้กรมธรรม์และสามารถลดหย่อนภาษีได้เฉพาะในส่วนของการประกันชีวิต (ไม่รวมส่วนการลงทุน) ได้ไม่เกิน 100,000 บาท

จุดเด่น

  1. คุ้มครองชีวิตวงเงินสูง และ มีความคุ้มครองกรณีทุพพลภาพ (TPD)
  2. ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนความคุ้มครอง และ หยุดพักชำระเบี้ยได้ กำหนดได้ด้วยตนเอง
  3. มีระบบช่วยบริหารพอร์ตกองทุนรวม และกองทุนรวมอยู่ภายใต้การบริหารโดย บลจ.เอไอเอ
  4. ค่าธรรมเนียมการประกันชีวิตสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
  5. สามารถแนบสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ UDR ได้
  6. ใช้คุ้มครองชีวิตในช่วงวัยทำงาน (คุ้มครองรายได้ให้คนข้างหลัง) ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีค่าธรรมเนียมการประกันชีวิต(COI) ที่ไม่แพง จนเมื่อถึงอายุเกษียณ (หมดห่วงแล้ว) แนะนำให้ปรับลดทุนเอาประกันชีวิตลง เพื่อประหยัดค่าธรรมเนียมการประกันชีวิต(COI) ที่สูงขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้พอร์ตการลงทุนเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

แผนนี้เหมาะกับใคร?

  1. ผู้ที่อายุน้อยกว่า 40 ปี สามารถชำระเบี้ยประกันได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปี ขึ้นไป
  2. ผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกันชีวิตให้ครอบครัว และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยมีระบบช่วยดูแล
  3. ผู้ที่ต้องการมีทุนประกันชีวิตสูง และ ประหยัดค่าเบี้ยประกัน
  4. หัวหน้าครอบครัว หรือ ผู้ที่มีภาระ ต้องดูแลค่าใช้จ่ายของครอบครัว

สรุปผลประโยชน์ ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน (Unit Linked)
AIA Issara Plus (Unit Linked)

ประกันชีวิตแบบบำนาญ การันตีรายได้ต่อเนื่องเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ และลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท –
AIA Annuity Fix

จุดเด่น

  1. การันตีผลตอบแทนที่มั่นคง แน่นอน ความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
  2. ใช้วางแผนเกษียณได้อย่างดี
  3. รับเงินบำนาญแน่นอน ตั้งแต่ อายุ 60 – 85 ปี
  4. เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท

สรุปผลประโยชน์ ประกันชีวิตแบบบำนาญ – AIA Annuity Fix